Click-Through Rate (CTR) :ตัววัดความน่าสนใจของเว็บไซต์
CTR ย่อมาจาก Click-Through Rate หมายถึง อัตราส่วนของจำนวนผู้คลิกบนลิงก์ของเว็บไซต์ เทียบกับจำนวนผู้ที่เห็นลิงก์นั้นบนหน้าค้นหา (Impression) แสดงเป็นเปอร์เซ็นต์
ตัวอย่าง
- เว็บไซต์ของคุณมีคนเห็นบนหน้าค้นหา 100 คน
- มี 10 คนคลิกเข้าเว็บไซต์ของคุณ
- CTR ของเว็บไซต์คุณคือ 10% (10 / 100 * 100)
ทำไม Click-Through Rate (CTR) ถึงสำคัญ?
Click-Through Rate (CTR) เป็นตัววัดประสิทธิภาพของเว็บไซต์บนหน้าค้นหา บ่งบอกถึงความน่าสนใจของเว็บไซต์
- CTR สูง แสดงว่าเว็บไซต์ของคุณน่าสนใจ ตรงกับความต้องการของผู้ค้นหา
- CTR ต่ำ แสดงว่าเว็บไซต์ของคุณอาจไม่น่าสนใจ หรือไม่ตรงกับความต้องการของผู้ค้นหา
วิธีเพิ่ม Click-Through Rate (CTR) ของเว็บไซต์
1. หัวข้อที่น่าสนใจ
- เขียนหัวข้อที่ตรงกับความต้องการของผู้ค้นหา
- ดึงดูดให้คนคลิก
- ตัวอย่าง:
- “5 เทคนิคเพิ่มยอดขายออนไลน์ง่ายๆ”
- “รีวิวเที่ยวเชียงใหม่แบบประหยัด”
2. คำอธิบาย Meta Description ที่ดี
- เขียนคำอธิบายที่ชัดเจน กระชับ น่าสนใจ
- ดึงดูดให้คนคลิก
- ตัวอย่าง:
- “อยากเพิ่มยอดขายออนไลน์? คลิกเลย! 5 เทคนิคเด็ดที่คุณต้องรู้”
- “เที่ยวเชียงใหม่แบบประหยัด สบายกระเป๋า คลิกดูรีวิวที่นี่”
3. Schema Markup
- เพิ่มข้อมูล Schema Markup บนเว็บไซต์
- ช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาเว็บไซต์
- แสดงผลลัพธ์การค้นหาที่ตรงกับความต้องการ
4. รูปภาพที่ดึงดูดสายตา
- เลือกรูปภาพที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
- สวยงาม ดึงดูดให้คนคลิก
- รูปภาพควรมีความคมชัด สีสันสดใส
5. เว็บไซต์ใช้งานง่าย
- เว็บไซต์โหลดเร็ว
- โครงสร้างชัดเจน
- ใช้งานง่ายบนมือถือ
ข้อดีของ CTR สูง
- เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์
- เพิ่มโอกาสในการขายสินค้าหรือบริการ
- สร้างการรับรู้แบรนด์
- เพิ่มอันดับเว็บไซต์บนหน้าค้นหา (SEO)
สรุป
Click-Through Rate (CTR) เป็นตัววัดสำคัญ บ่งบอกถึงความน่าสนใจของเว็บไซต์บนหน้าค้นหา การเพิ่ม Click-Through Rate (CTR) ของเว็บไซต์ ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีคนเข้าชมมากขึ้น เพิ่มโอกาสในการขายสินค้าหรือบริการ
แหล่งข้อมูล