Google อัปเดตอัลกอริทึมแล้วอันดับตก? คำแนะนำเบื้องต้น
เว็บไซต์ของคุณอันดับตกหลังการอัปเดตอัลกอริทึมของ Google ใช่หรือไม่? ไม่ต้องกังวล! คู่มือนี้จะช่วยคุณวิเคราะห์สาเหตุ แก้ไขปัญหา และนำเว็บไซต์ของคุณกลับมายืนหนึ่งบนหน้าการค้นหาอีกครั้ง
ขั้นตอนเมื่อ Google อัปเดตอัลกอริทึมแล้วอันดับตก
1. ทำความเข้าใจการอัปเดตอัลกอริทึมของ Google
- อธิบายว่าการอัปเดตอัลกอริทึมของ Google คืออะไร
- อธิบายประเภทของการอัปเดตอัลกอริทึมที่สำคัญ (Core Updates, Broad Core Updates)
- อธิบายผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการอัปเดตอัลกอริทึมต่ออันดับเว็บไซต์
2. สาเหตุที่อันดับเว็บไซต์อาจตกหลังการอัปเดตอัลกอริทึม
- เนื้อหาเว็บไซต์ไม่ได้คุณภาพสูง (เนื้อหาบางๆ, คัดลอกมาจากที่อื่น, ข้อมูลเก่า)
- ปัญหาทางเทคนิคของเว็บไซต์ (โหลดช้า, ไม่รองรับมือถือ)
- Backlink ไม่ได้คุณภาพ (ซื้อ backlink, backlink จากเว็บไซต์ที่ไม่เกี่ยวข้อง)
- โดน Google ลงโทษ (Spam, Black Hat SEO)
3. วิเคราะห์หาสาเหตุที่เว็บไซต์ของคุณอันดับตก
- เครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์หาสาเหตุ (Google Search Console, SEMrush, Ahrefs)
- วิเคราะห์เนื้อหาเว็บไซต์
- วิเคราะห์เทคนิค SEO ของเว็บไซต์
- ตรวจสอบ backlink ของเว็บไซต์
4. แก้ไขปัญหาและปรับเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับอัลกอริทึมใหม่
- ปรับปรุงเนื้อหาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพสูง
- แก้ไขปัญหาทางเทคนิคของเว็บไซต์
- สร้าง backlink ที่มีคุณภาพ
- ป้องกันไม่ให้โดน Google ลงโทษ
5. ติดตามผลและรักษาอันดับเว็บไซต์
- ติดตามอันดับเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ
- วิเคราะห์ผลลัพธ์จากการแก้ไข
- ปรับปรุงเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง

เพิ่มเติมความหมายเมื่อ Google อัปเดตอัลกอริทึมแล้วอันดับตก
ต้องทำความเข้าใจการอัปเดตอัลกอริทึมของ Google
การอัปเดตอัลกอริทึมของ Google เปรียบเสมือนการปรับปรุงเข็มทิศสำหรับเครื่องมือค้นหา เป้าหมายหลักคือเพื่อมอบผลลัพธ์การค้นหาที่ดีที่สุด ตรงประเด็น และมีประโยชน์ต่อผู้ใช้งานมากที่สุด การอัปเดตเหล่านี้เกิดขึ้นอยู่เสมอ บางครั้งอาจเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย บางครั้งอาจเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ส่งผลต่อเว็บไซต์ทั่วทั้งอินเทอร์เน็ต
ประเภทของการอัปเดตอัลกอริทึม Google:
- Core Updates: การอัปเดตหลักที่เกิดขึ้นหลายครั้งต่อปี การอัปเดตเหล่านี้มักมีผลกระทบกว้างขวางต่อเว็บไซต์หลายประเภท
- Broad Core Updates: การอัปเดตย่อยที่เกิดขึ้นบ่อยกว่า Core Updates มักมุ่งเน้นไปที่ด้านใดด้านหนึ่งของการจัดอันดับ เช่น ความเร็วของเว็บไซต์ mobile-friendliness หรือคุณภาพเนื้อหา
ผลกระทบของการอัปเดตอัลกอริทึมต่ออันดับเว็บไซต์:
การอัปเดตอัลกอริทึมอาจส่งผลต่ออันดับเว็บไซต์ของคุณทั้งในทางบวกและลบ เว็บไซต์ที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ใหม่ของ Google มักจะเห็นอันดับที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่เว็บไซต์ที่ไม่สอดคล้องอาจเห็นอันดับที่ลดลง
ตัวอย่างผลกระทบ:
- เว็บไซต์ที่โหลดช้าลงหลังการอัปเดต Core Update ที่มุ่งเน้นไปที่ความเร็วเว็บไซต์ อาจเห็นอันดับที่ลดลง
- เว็บไซต์ที่ปรับปรุงเนื้อหาให้มีคุณภาพสูงหลังจาก Broad Core Update ที่มุ่งเน้นไปที่คุณภาพเนื้อหา อาจเห็นอันดับที่เพิ่มขึ้น
สิ่งสำคัญคือต้องติดตามการอัปเดตอัลกอริทึมของ Google อยู่เสมอ แหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์ ได้แก่:
- Google Search Central Blog: https://developers.google.com/search/blog
- Google Algorithm Updates Tracker: https://www.searchenginejournal.com/google-algorithm-history/
ควรสาเหตุที่อันดับเว็บไซต์อาจตกหลังการอัปเดตอัลกอริทึม
การอัปเดตอัลกอริทึมของ Google เปรียบเสมือนการตรวจสอบสุขภาพประจำปีของเว็บไซต์ ผลลัพธ์ของการตรวจสอบนี้อาจส่งผลต่ออันดับเว็บไซต์ของคุณทั้งในทางที่ดีและลบ หากอันดับเว็บไซต์ของคุณตกลงหลังการอัปเดตอัลกอริทึม มีหลายสาเหตุที่เป็นไปได้ ในหัวข้อนี้ เราจะมาดูสาเหตุที่พบบ่อยกัน
1. เนื้อหาเว็บไซต์ไม่ได้คุณภาพสูง:
- เนื้อหาบางๆ: เนื้อหาที่มีความยาวน้อยเกินไป ให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน หรือไม่มีประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน อาจถูก Google มองว่าเป็นเนื้อหาคุณภาพต่ำ ส่งผลต่ออันดับเว็บไซต์
- คัดลอกมาจากที่อื่น: การนำเนื้อหาจากเว็บไซต์อื่นมาลงโดยไม่ดัดแปลง อาจถูก Google ลงโทษ ส่งผลต่ออันดับเว็บไซต์
- ข้อมูลเก่า: เนื้อหาที่ไม่ได้รับการอัปเดตเป็นเวลานาน อาจถูก Google มองว่าไม่เกี่ยวข้องกับความต้องการของผู้ใช้งานปัจจุบัน ส่งผลต่ออันดับเว็บไซต์
2. ปัญหาทางเทคนิคของเว็บไซต์:
- โหลดช้า: เว็บไซต์ที่โหลดช้า อาจทำให้ผู้ใช้งานหงุดหงิด และคลิกออกจากเว็บไซต์ Google ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ผู้ใช้งาน เว็บไซต์ที่โหลดช้า จึงอาจมีอันดับที่ลดลง
- ไม่รองรับมือถือ: ในปัจจุบัน ผู้ใช้งานจำนวนมากเข้าถึงเว็บไซต์ผ่านมือถือ เว็บไซต์ที่ไม่รองรับการใช้งานบนมือถือ อาจถูก Google ลงโทษ ส่งผลต่ออันดับเว็บไซต์
- มีปัญหาทางเทคนิคอื่นๆ: ปัญหาทางเทคนิคอื่นๆ เช่น เว็บไซต์ล่มบ่อย หรือมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย อาจส่งผลต่ออันดับเว็บไซต์เช่นกัน
3. Backlink ไม่ได้คุณภาพ:
- ซื้อ backlink: การซื้อ backlink เป็นการสร้างลิงก์จากเว็บไซต์อื่นมายังเว็บไซต์ของคุณโดยจ่ายเงิน Google มองว่าเป็นกลวิธีที่ไม่เป็นธรรมชาติ อาจส่งผลต่ออันดับเว็บไซต์
- backlink จากเว็บไซต์ที่ไม่เกี่ยวข้อง: backlink จากเว็บไซต์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเว็บไซต์ของคุณ อาจไม่มีประโยชน์ต่อ Google ส่งผลต่ออันดับเว็บไซต์
- backlink จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพต่ำ: backlink จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพต่ำ อาจส่งผลเสียต่ออันดับเว็บไซต์ของคุณ
4. โดน Google ลงโทษ:
- Spam: การใช้กลวิธี Spam เช่น การใช้คำหลักที่ไม่เกี่ยวข้อง หรือการสร้างเนื้อหาโดยอัตโนมัติ อาจส่งผลให้โดน Google ลงโทษ ส่งผลต่ออันดับเว็บไซต์
- Black Hat SEO: การใช้กลวิธี Black Hat SEO เช่น การซื้อ backlink หรือการใช้ลิงก์หลอก อาจส่งผลให้โดน Google ลงโทษ ส่งผลต่ออันดับเว็บไซต์
ใช้ตัวช่วยวิเคราะห์หาสาเหตุที่เว็บไซต์ของคุณอันดับตก
การวิเคราะห์หาสาเหตุที่เว็บไซต์ของคุณอันดับตก เปรียบเสมือนการสืบสวนหาตัวผู้ร้าย เป้าหมายคือเพื่อระบุจุดอ่อนของเว็บไซต์ ที่ทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์ของคุณไม่ได้คุณภาพ ส่งผลต่ออันดับเว็บไซต์
เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์:
1. Google Search Console:
- Google Search Console เป็นเครื่องมือ SEO ที่ Google มอบให้ฟรี เครื่องมือนี้เปรียบเสมือนเข็มทิศ ที่ช่วยให้คุณทราบสถานะของเว็บไซต์ของคุณในสายตาของ Google
- คุณสามารถใช้ Search Console เพื่อดูว่าเว็บไซต์ของคุณมีปัญหาอะไรบ้าง เช่น มีข้อผิดพลาดทางเทคนิค เนื้อหาบางๆ หรือโดน Google ลงโทษ
- Search Console ยังมีรายงานเกี่ยวกับอันดับเว็บไซต์ backlink และข้อมูลเชิงลึกอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการวิเคราะห์
2. SEMrush:
- SEMrush เป็นเครื่องมือ SEO ที่ช่วยให้คุณวิเคราะห์ backlink วิเคราะห์คู่แข่ง และติดตามอันดับเว็บไซต์
- คุณสามารถใช้ SEMrush เพื่อดูว่าเว็บไซต์ของคุณมี backlink มาจากเว็บไซต์ไหนบ้าง backlink เหล่านั้นมีคุณภาพดีหรือไม่ และเว็บไซต์คู่แข่งของคุณใช้กลยุทธ์ SEO แบบไหน
- SEMrush ยังมีเครื่องมือวิเคราะห์เนื้อหา ที่ช่วยให้คุณตรวจสอบว่าเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณมีคุณภาพดีหรือไม่ และตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานหรือไม่
3. Ahrefs:
- Ahrefs เป็นเครื่องมือ SEO ที่ช่วยให้คุณวิเคราะห์ backlink วิเคราะห์เนื้อหา และติดตามอันดับเว็บไซต์
- Ahrefs มีฐานข้อมูล backlink ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ช่วยให้คุณวิเคราะห์ backlink ของเว็บไซต์ของคุณได้อย่างละเอียด
- Ahrefs ยังมีเครื่องมือวิเคราะห์เนื้อหา ที่ช่วยให้คุณตรวจสอบว่าเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณมีคุณภาพดีหรือไม่ และตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานหรือไม่
วิธีการวิเคราะห์:
- เริ่มต้นด้วยการเข้าสู่ระบบ Google Search Console: ดูว่าเว็บไซต์ของคุณมีปัญหาอะไรบ้าง เช่น มีข้อผิดพลาดทางเทคนิค เนื้อหาบางๆ หรือโดน Google ลงโทษ
- วิเคราะห์ backlink: ใช้เครื่องมือ SEMrush หรือ Ahrefs เพื่อดูว่าเว็บไซต์ของคุณมี backlink มาจากเว็บไซต์ไหนบ้าง backlink เหล่านั้นมีคุณภาพดีหรือไม่ และเว็บไซต์คู่แข่งของคุณใช้กลยุทธ์ SEO แบบไหน
- วิเคราะห์เนื้อหา: ใช้เครื่องมือ SEMrush หรือ Ahrefs เพื่อตรวจสอบว่าเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณมีคุณภาพดีหรือไม่ และตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานหรือไม่
- เปรียบเทียบเว็บไซต์ของคุณกับเว็บไซต์คู่แข่ง: ใช้เครื่องมือ SEMrush หรือ Ahrefs เพื่อเปรียบเทียบเว็บไซต์ของคุณกับเว็บไซต์คู่แข่ง ดูว่าคู่แข่งของคุณทำอะไรดีกว่า และคุณสามารถนำกลยุทธ์อะไรมาปรับใช้กับเว็บไซต์ของคุณได้บ้าง
เมื่อคุณทราบสาเหตุที่เว็บไซต์ของคุณอันดับตกแล้ว คุณสามารถดำเนินการแก้ไข เช่น แก้ไขข้อผิดพลาดทางเทคนิค สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ หรือลบ backlink ที่ไม่ดี
การวิเคราะห์หาสาเหตุที่เว็บไซต์อันดับตก เป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการแก้ไขปัญหา การใช้เครื่องมือ SEO ที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณวิเคราะห์เว็บไซต์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ และระบุสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณอันดับตก
หาวิธีแก้ไขปัญหาและปรับเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับอัลกอริทึมใหม่
เมื่อคุณทราบสาเหตุที่เว็บไซต์ของคุณอันดับตกแล้ว คุณสามารถดำเนินการแก้ไข เป้าหมายคือเพื่อปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ใหม่ของ Google และทำให้ผู้ใช้งานมีประสบการณ์ที่ดีที่สุด
แนวทางแก้ไข:
1. แก้ไขเนื้อหาเว็บไซต์:
- เพิ่มเนื้อหาที่มีคุณภาพ: เนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณควรมีความยาวเพียงพอ ให้ข้อมูลครบถ้วน ถูกต้อง และตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน
- เขียนเนื้อหาที่เป็นประโยชน์: เนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณควรให้ความรู้ ความบันเทิง หรือช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ใช้งาน
- เขียนเนื้อหาที่อ่านง่าย: เนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณควรอ่านง่าย ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย และจัดรูปแบบที่สวยงาม
- อัปเดตเนื้อหาเป็นประจำ: เว็บไซต์ของคุณควรมีเนื้อหาใหม่ๆ อัปเดตอยู่เสมอ เพื่อดึงดูดผู้ใช้งานให้กลับมาเยี่ยมชมอีกครั้ง
2. แก้ไขปัญหาทางเทคนิคของเว็บไซต์:
- เพิ่มความเร็วเว็บไซต์: เว็บไซต์ของคุณควรโหลดได้รวดเร็ว ทั้งบนคอมพิวเตอร์และมือถือ
- ทำให้เว็บไซต์รองรับมือถือ: เว็บไซต์ของคุณควรแสดงผลได้อย่างถูกต้องบนหน้าจอมือถือ
- แก้ไขปัญหาทางเทคนิคอื่นๆ: แก้ไขปัญหาทางเทคนิคอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อประสบการณ์ผู้ใช้งาน เช่น เว็บไซต์ล่มบ่อย หรือมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
3. สร้าง backlink ที่มีคุณภาพ:
- สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ: เนื้อหาที่มีคุณภาพจะดึงดูดเว็บไซต์อื่นๆ มาลิงก์ถึงเว็บไซต์ของคุณโดยธรรมชาติ
- ติดต่อเว็บไซต์อื่นๆ: ติดต่อเว็บไซต์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณ เพื่อขอแลกเปลี่ยนลิงก์
- สร้าง backlink จากโซเชียลมีเดีย: แชร์เนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณบนโซเชียลมีเดีย เพื่อดึงดูดผู้ใช้งานเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์
4. ป้องกันไม่ให้โดน Google ลงโทษ:
- ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของ Google: อ่านและทำความเข้าใจหลักเกณฑ์ของ Google และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
- หลีกเลี่ยงกลวิธี SEO ที่ผิด: หลีกเลี่ยงกลวิธี SEO ที่ผิด เช่น การซื้อ backlink หรือการใช้ลิงก์หลอก
- ตรวจสอบเว็บไซต์ของคุณเป็นประจำ: ตรวจสอบเว็บไซต์ของคุณเป็นประจำ เพื่อดูว่ามีปัญหาอะไรบ้าง และแก้ไขโดยเร็วที่สุด
การแก้ไขปัญหาและปรับเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับอัลกอริทึมใหม่ เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา และความพยายาม แต่หากคุณทำอย่างสม่ำเสมอ เว็บไซต์ของคุณจะกลับมามีอันดับที่ดีขึ้น และดึงดูดผู้ใช้งานเข้ามาเยี่ยมชมมากขึ้น
นอกจากแนวทางแก้ไขข้างต้นแล้ว ยังมีแนวทางอื่นๆ อีกมากมาย ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่เว็บไซต์ของคุณอันดับตก คุณควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม และเลือกแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมกับเว็บไซต์ของคุณ