10 เทรนด์ HR เมื่อ Generative AI ขยายตัวในที่ทำงานปี 2025
มาเจาะลึกถึง 10 เทรนด์ HR ที่กำลังจะมาแรงในโลกของการทำงานปี 2025 ซึ่งแน่นอนว่า Generative AI หรือปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของ HR อย่างไม่เคยมีมาก่อน เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปดูกันเลย!
1. การเพิ่มขึ้นของ AI Agents: แอปพลิเคชั่นสำคัญในยุค AI
AI Agents คืออะไรและมีบทบาทอย่างไร
ลองนึกภาพว่ามีผู้ช่วยส่วนตัวที่ไม่ได้มีแค่คนจริงๆ แต่เป็นโปรแกรม AI ที่สามารถทำงานต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง นั่นแหละครับคือ AI Agent! มันคือการผสมผสานระหว่างโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) กับแอปพลิเคชั่นซอฟต์แวร์แบบดั้งเดิม ที่สามารถทำงานได้เองโดยที่เราไม่ต้องป้อนคำสั่งตลอดเวลา ซึ่งในอนาคตเราจะได้เห็น AI Agent หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ผู้ช่วยเฉพาะทางที่ทำงานซ้ำๆ ได้ ไปจนถึงเพื่อนร่วมงานที่สามารถช่วยระดมสมอง และแม้กระทั่งหัวหน้าที่คอยดูแลงานของ AI Agent ตัวอื่นๆ ด้วย
ตัวอย่าง AI Agent ใน HR
ตอนนี้เราเริ่มเห็นตัวอย่างของ AI Agent ที่เข้ามาช่วยงาน HR แล้ว อย่าง Workday ก็เพิ่งเปิดตัว Recruiter Agent ที่สามารถสร้างรายละเอียดงาน ค้นหาผู้สมัคร สัมภาษณ์ และคัดเลือกผู้สมัครที่เหมาะสมได้เองเลย ถึงแม้ว่าการตัดสินใจขั้นสุดท้ายยังคงเป็นของคน แต่ AI Agent จะช่วยลดภาระงานที่ต้องทำซ้ำๆ ลงไปได้เยอะเลย
2. ช่องว่างทางเพศในการใช้ Generative AI ที่ต้องได้รับการแก้ไข
ความแตกต่างในการใช้ AI ระหว่างเพศ
น่าตกใจนะครับที่พบว่าผู้ชายใช้ Generative AI มากกว่าผู้หญิงอย่างเห็นได้ชัด โดยในปี 2023 ผู้ชาย 50% รายงานว่าเคยใช้ AI ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ในขณะที่ผู้หญิงมีเพียง 37% เท่านั้น! ยิ่งไปกว่านั้น ช่องว่างนี้ยังเด่นชัดในกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยผู้ชายอายุ 18-29 ปี มีแนวโน้มที่จะทดลองใช้ AI มากกว่าผู้หญิงถึง 25% เลยทีเดียว
สาเหตุของช่องว่างทางเพศนี้
จริงๆ แล้วช่องว่างนี้ไม่ได้มาจากเรื่องของรายได้ การศึกษา อายุ หรือเชื้อชาติหรอกครับ แต่เป็นเพราะผู้หญิงส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการฝึกอบรมในการใช้ AI มากเท่าที่ควร และยังมีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและความน่าเชื่อถือของ AI มากกว่าผู้ชาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี AI ได้อย่างเท่าเทียมกัน
3. Generative AI: โอกาสในการ Upskill และ Reskill พนักงาน
ความจำเป็นในการ Upskill และ Reskill ในยุค AI
ยุคนี้ใครๆ ก็พูดถึงเรื่องการดิสรัปชั่น (Disruption) ใช่ไหมครับ? สภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) บอกว่าภายใน 5 ปีข้างหน้า ทักษะของพนักงานเกือบครึ่งหนึ่ง (44%) จะถูกกระทบ และ 40% ของงานนั้นจะได้รับผลกระทบจาก Generative AI ด้วย นั่นหมายความว่าเราจำเป็นต้อง Upskill และ Reskill พนักงานของเราเพื่อให้อยู่รอดและเติบโตในยุค AI ให้ได้
กรณีศึกษา IKEA: การ Reskill พนักงานเพื่อรับมือกับ AI
IKEA เป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงพลังของการ Reskill ครับ เมื่อลูกค้าเริ่มสอบถามข้อมูลผ่านแชทบอทมากขึ้น IKEA ก็ได้ทำการ Reskill พนักงานบริการลูกค้า 8,500 คน ให้กลายเป็นที่ปรึกษาการออกแบบภายในเสมือนจริง ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้พนักงานมีทักษะใหม่ๆ เท่านั้น แต่ยังสร้างรายได้ใหม่ให้กับบริษัทถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์อีกด้วย
4. งานด้านเทคโนโลยีจะกลายเป็นเรื่องธรรมดา
ความเปลี่ยนแปลงของงานในยุคดิจิทัล
เมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินงานขององค์กรมากขึ้น งานทุกประเภทก็จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ลองนึกภาพดูนะครับว่า ต่อไปนี้เราอาจจะเห็นพยาบาลที่ต้องเข้าใจการวิเคราะห์ข้อมูล หรือครูที่ใช้ AI เป็นผู้ช่วยในการสอนก็ได้
ความคาดหวังของนายจ้างต่อทักษะดิจิทัล
สิ่งเหล่านี้หมายความว่า นายจ้างจะคาดหวังให้พนักงานทุกคนมีทักษะดิจิทัลในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน หรือใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ดังนั้นการเรียนรู้เทคโนโลยีดิจิทัลจึงไม่ใช่เรื่องของคนไอทีอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องของทุกคน
5. ผู้นำต้องปรับตัวให้เข้ากับที่ทำงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI
ความท้าทายที่ผู้นำต้องเผชิญ
ไม่ใช่แค่พนักงานที่ต้องปรับตัวนะครับ ผู้นำเองก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับโลกของการทำงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI เช่นกัน เพราะ AI จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน สร้างงานใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งออกแบบงานเดิมใหม่หมด ผู้นำต้องเข้าใจว่า AI ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกลุ่มคนไอทีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนในทุกๆ แผนกที่ใช้ AI เพื่อทำงานของตนด้วย
การพัฒนาทักษะของผู้นำในยุค AI
ผู้นำต้องสนับสนุนให้ทีมงานทดลองใช้ AI ในการทำงาน และเปิดโอกาสให้พวกเขาได้แบ่งปันผลลัพธ์ที่ได้ นอกจากนี้ผู้นำเองก็ต้องเรียนรู้การใช้ AI ด้วย เพื่อให้สามารถนำทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเข้าใจถึงบทบาทของตัวเองในฐานะ “มนุษย์ในวงจร” (human in the loop) ที่ยังคงต้องคอยกำกับดูแลและตรวจสอบงานที่ AI ทำ
6. ผู้จัดการระดับกลางมีโอกาสสร้างความเป็นมนุษย์ในที่ทำงาน
บทบาทของผู้จัดการระดับกลางที่เปลี่ยนไป
ผู้จัดการระดับกลางมักจะเป็นกลุ่มคนที่เผชิญกับความเครียดและความเหนื่อยหน่ายมากที่สุด เพราะต้องรับผิดชอบทั้งงานของตัวเองและดูแลทีมไปพร้อมๆ กัน แต่ในยุค AI บทบาทของผู้จัดการระดับกลางจะเปลี่ยนไป จากที่ต้องคอยควบคุมดูแลทุกสิ่งทุกอย่าง พวกเขาจะกลายเป็น “ผู้ประสานงาน” ที่ต้องทำงานร่วมกับทั้งคนและ AI
การใช้ AI เพื่อส่งเสริมทักษะความเป็นมนุษย์
การทำงานร่วมกันระหว่างคนและ AI จะช่วยให้ผู้จัดการระดับกลางมีเวลามากขึ้นในการพัฒนาทักษะความเป็นมนุษย์ เช่น การคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน หรือการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ AI ไม่สามารถทำได้ และเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีและมีความเป็นมนุษย์
7. พนักงานให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นมากกว่าเงินเดือน
ความต้องการความยืดหยุ่นในการทำงาน
ผลสำรวจพบว่า พนักงานให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นในการทำงานมากกว่าเงินเดือนเสียอีก! หลายคนยอมที่จะรับเงินเดือนน้อยลง เพื่อแลกกับโอกาสในการทำงานจากที่ไหนก็ได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความยืดหยุ่นเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อความพึงพอใจในการทำงานของพนักงานในยุคนี้
นัยต่อองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่น
องค์กรที่ให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นในการทำงาน จะได้เปรียบในการดึงดูดบุคลากรมากกว่าองค์กรที่ยังยึดติดกับการทำงานแบบเข้าออฟฟิศเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ องค์กรควรจะปรับเปลี่ยนนโยบายการทำงานแบบผสมผสาน (Hybrid) จากการบังคับให้พนักงานเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศ เป็นการให้อิสระแก่ทีมในการเลือกวิธีการทำงานที่เหมาะสมกับตัวเอง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความพึงพอใจและประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานได้มากขึ้น
8. บริษัทจะลดความตีตราพนักงานที่มีภาวะทางร่างกายหรือจิตใจ
การเพิ่มขึ้นของพนักงานที่มีภาวะทางร่างกายหรือจิตใจ
ผลสำรวจพบว่า พนักงานจำนวนไม่น้อย (25%) มีภาวะทางร่างกายหรือจิตใจที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการที่สังคมเริ่มเปิดกว้างมากขึ้นต่อประเด็นเหล่านี้
ความสำคัญของการสนับสนุนพนักงานกลุ่มนี้
องค์กรควรจะให้ความสำคัญกับการสนับสนุนพนักงานกลุ่มนี้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้กับผู้จัดการเกี่ยวกับภาวะทางร่างกายหรือจิตใจต่างๆ การส่งเสริมการใช้ภาษาที่เป็นมิตร และการจัดหาเครื่องมือและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสม เพื่อให้ทุกคนสามารถทำงานได้อย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพ
9. งานระดับเริ่มต้นต้องได้รับการปรับปรุงเพื่อสร้างบทบาท AI-Human Hybrid
ผลกระทบของ AI ต่องานระดับเริ่มต้น
เมื่อ AI เข้ามาทำหน้าที่ที่เคยเป็นของพนักงานระดับเริ่มต้นได้มากขึ้น เราก็ต้องคิดแล้วว่าเราจะเตรียมคนรุ่นใหม่ให้พร้อมสำหรับโลกการทำงานในอนาคตได้อย่างไร? เพราะ AI จะเข้ามาทำงานที่ง่ายและเป็นประจำได้ดีกว่าคน เราจึงต้องมองหาแนวทางที่จะทำให้คนรุ่นใหม่สามารถพัฒนาทักษะที่ AI ไม่สามารถทำได้
การสร้างบทบาท AI-Human Hybrid เพื่อพัฒนาบุคลากร
แนวทางหนึ่งก็คือการสร้างบทบาท AI-Human Hybrid ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการดูแล AI กับการทำงานแบบมืออาชีพจริง ๆ บทบาทเหล่านี้จะช่วยให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ว่าต้องมอบหมายงานอะไรให้ AI ต้องตรวจสอบความถูกต้องของงานที่ AI ทำอย่างไร และต้องใช้เวลาไปกับการทำงานเชิงกลยุทธ์และการสื่อสารผลลัพธ์อย่างไร
10. Generative AI จะเปลี่ยนแปลงอนาคตของงาน HR
การเปลี่ยนแปลงบทบาท HR ในยุค AI
Generative AI จะเข้ามาเปลี่ยนบทบาทของ HR อย่างมาก ไม่ใช่แค่การทำงานซ้ำๆ แบบอัตโนมัติเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างงานใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ AI อีกด้วย ซึ่ง HR เองก็ต้องปรับตัว เรียนรู้ และพัฒนาทักษะใหม่ๆ ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง
ตัวอย่างตำแหน่งงาน HR ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับ AI
ตำแหน่งงาน HR ที่เกี่ยวข้องกับ AI ในอนาคตอาจมีตั้งแต่ผู้เชี่ยวชาญด้านจริยธรรม AI (AI Ethics Leader) ไปจนถึงผู้ร่วมธุรกิจ AI (AI Business Partner) หรือนักออกแบบ HR GPT (HR GPT Designer) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า AI ไม่ได้เข้ามาแทนที่งาน HR แต่จะเข้ามาสร้างโอกาสใหม่ๆ และยกระดับงาน HR ให้มีคุณค่ามากยิ่งขึ้น
สรุป
Generative AI ไม่ได้เป็นเพียงแค่เทคโนโลยีที่เข้ามาดิสรัปโลกการทำงานเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราสร้างที่ทำงานที่ดีขึ้น มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการที่ทุกคนต้องเปิดใจเรียนรู้ ปรับตัว และใช้ AI อย่างสร้างสรรค์ เพื่อสร้างอนาคตที่ทุกคนสามารถเติบโตและประสบความสำเร็จไปพร้อมๆ กันครับ
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
- AI Agents ใน HR จะเข้ามาแทนที่พนักงาน HR จริงหรือ? ไม่ครับ AI Agents จะเข้ามาช่วยงาน HR ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดภาระงานที่ต้องทำซ้ำๆ แต่การตัดสินใจและการดูแลด้านมนุษย์ยังคงเป็นของพนักงาน HR ครับ
- เราควรจะเริ่มต้น Upskill และ Reskill พนักงานอย่างไรดี? เริ่มจากการประเมินทักษะของพนักงาน กำหนดทักษะที่จำเป็นในอนาคต แล้วออกแบบโปรแกรมฝึกอบรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละบุคคล
- ถ้าบริษัทไม่ได้ให้ความยืดหยุ่นในการทำงาน จะเสียเปรียบในการดึงดูดบุคลากรหรือไม่? มีแนวโน้มสูงครับ เพราะคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นมากกว่าเงินเดือน ดังนั้นบริษัทที่ยังยึดติดกับวิธีการทำงานแบบเดิมอาจจะเสียเปรียบในการแข่งขัน
- บริษัทควรจะทำอย่างไรเพื่อสนับสนุนพนักงานที่มีภาวะทางร่างกายหรือจิตใจ? สร้างความตระหนักรู้ให้กับพนักงานทุกคน ส่งเสริมการใช้ภาษาที่เป็นมิตร ให้ความรู้กับผู้จัดการ และจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสม
- บทบาทของ HR ในอนาคตจะเป็นอย่างไร? HR จะกลายเป็นผู้ที่ขับเคลื่อนนวัตกรรมในองค์กร โดยการใช้เทคโนโลยี AI และสร้างวัฒนธรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
ขอบคุณที่มาจาก
10 HR Trends As Generative AI Expands In The 2025 Workplace
สนใจระบบบันทึกการทำงานของพนักงาน ในยุค AI
รู้ต้นทุนแรงงาน โปรแกรมบันทึกเวลาทำงาน และบริหารธุรกิจ
ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลและทดลองใช้งาน!
- บันทึกเวลาเข้าออกงาน ลาป่วย ลากิจ ล่วงเวลา
- คำนวณต้นทุนโครงการ ค่าแรง ค่าจ้าง และอื่นๆ
- วิเคราะห์ข้อมูลการทำงาน รายงานต้นทุนแรงงาน
- บริหารจัดการพนักงาน มีประสิทธิภาพ
คลิกเพื่อลงทะเบียน: https://bit.ly/RegWisDomFMS