AI สู่ความขัดแย้ง :เทรนด์ HR ที่คาดว่าจะมาแรงในปี 2025
ว่ากันว่าโลกหมุนเร็วจนตามแทบไม่ทัน และวงการ HR ก็ไม่ต่างกัน! บทความจาก Forbes โดย Solange Charas เค้าฉายภาพให้เห็นเลยว่าปี 2025 จะเป็นปีที่ HR ต้องเจอกับคลื่นลูกใหม่ของความเปลี่ยนแปลงแบบจัดเต็ม โดยเฉพาะเรื่อง AI ที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น และอีกเรื่องที่น่าจับตาคือ ความขัดแย้งในที่ทำงาน ที่ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปซะแล้ว มาดูกันดีกว่าว่าเทรนด์เหล่านี้จะส่งผลกระทบกับพวกเราชาว HR อย่างไรบ้าง และเราจะเตรียมตัวรับมือกับมันได้อย่างไร
AI กับ HR: การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า AI จะกลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของ HR ในปีหน้าอย่างแน่นอน ลองคิดดูสิว่าแต่ก่อนกว่าจะหาคนเก่ง ๆ สักคนต้องเหนื่อยแค่ไหน แต่ต่อไป AI จะเข้ามาช่วยคัดกรองใบสมัคร วิเคราะห์เรซูเม่ แถมยังสัมภาษณ์เบื้องต้นได้อีกด้วยนะ! เจ๋งไปเลยใช่ไหมล่ะ? แต่ AI ไม่ได้เก่งแค่เรื่องหาคนเท่านั้นนะ ยังช่วยเรื่องการพัฒนาและรักษาพนักงานได้อีกด้วย
AI จะช่วย HR ได้อย่างไรบ้าง?
- สรรหาคนเก่งได้ไวขึ้น: AI เหมือนมีผู้ช่วยอัจฉริยะที่ช่วยสแกนหาคนที่ใช่ได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ แถมยังช่วยลดอคติในการคัดเลือกได้อีกด้วยนะ
- ออกแบบการเรียนรู้ที่ใช่สำหรับทุกคน: AI จะวิเคราะห์ว่าพนักงานแต่ละคนมีจุดแข็งจุดอ่อนตรงไหน แล้วออกแบบคอร์สเรียนรู้ที่ตอบโจทย์แบบเป๊ะ ๆ เหมือนมีเทรนเนอร์ส่วนตัวเลยล่ะ
- รู้ทันสัญญาณการลาออก: AI สามารถจับสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกว่าพนักงานคนนี้กำลังจะไปจากเรา ทำให้ HR สามารถเข้าไปพูดคุย หาทางแก้ไขได้ทันท่วงที ลดปัญหาคนเก่ง ๆ ลาออกไปได้เยอะเลย
ความท้าทายของการใช้ AI ใน HR
แต่! การมี AI มาช่วยก็ไม่ได้มีแต่ข้อดีนะ เราก็ต้องระวังเหมือนกัน เรื่องสำคัญคือ ความเป็นธรรมและความโปร่งใส เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า AI ที่เราใช้จะไม่ตัดสินคนจากข้อมูลที่ไม่เป็นธรรม? อีกเรื่องคือ ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล เราจะเก็บรักษาข้อมูลของพนักงานที่ AI เข้าถึงได้อย่างไรให้ปลอดภัย? นี่คือโจทย์ที่ HR ต้องคิดให้รอบคอบก่อนจะกระโจนเข้าสู่โลกของ AI อย่างเต็มตัว
เมื่อความเห็นต่างกลายเป็นเรื่องปกติ: HR จะรับมือกับความขัดแย้งได้อย่างไร?
โลกเราทุกวันนี้มีความหลากหลายมากขึ้น ความคิดเห็นที่แตกต่างกันก็มีมากขึ้นเป็นธรรมดา ในที่ทำงานก็เช่นกัน เราอาจเจอกับความขัดแย้งทางความคิด หรือแม้แต่ความขัดแย้งทางวัฒนธรรมอยู่บ่อยครั้ง ในปี 2025 HR จะต้องมีบทบาทสำคัญในการสร้าง พื้นที่ปลอดภัย ที่ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเปิดเผยและเคารพซึ่งกันและกัน
สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ทุกเสียง
HR ต้องเป็นคนริเริ่มในการสร้างวัฒนธรรมที่เปิดรับความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างทางความคิด เชื้อชาติ ศาสนา หรือเพศสภาพ การจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมความเข้าใจซึ่งกันและกัน หรือการเปิดเวทีให้พนักงานได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ ก็เป็นสิ่งที่ HR สามารถทำได้
ทักษะที่ HR ต้องมี: การสื่อสารและการแก้ไขความขัดแย้ง
HR เองก็ต้องมีทักษะในการสื่อสารและการแก้ไขความขัดแย้งเป็นอย่างดี การจัดอบรมให้พนักงานมีทักษะเหล่านี้ก็สำคัญเช่นกัน เพราะเมื่อพนักงานสามารถสื่อสารกันได้อย่างเข้าใจ และรู้วิธีจัดการกับความขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์ บรรยากาศในที่ทำงานก็จะดีขึ้นเยอะเลย
บทบาทใหม่ของ HR ในการเป็นคนกลาง
บางครั้งความขัดแย้งก็อาจจะซับซ้อนเกินกว่าที่พนักงานจะจัดการกันเองได้ ในกรณีนี้ HR จะต้องสามารถเข้ามาเป็น คนกลาง ที่เป็นกลางและเป็นธรรม ช่วยให้ทั้งสองฝ่ายหาทางออกที่ยุติธรรมและเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายได้
HR ยุคใหม่: จากผู้ช่วยงาน สู่คู่คิดทางธุรกิจ
เทรนด์ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ กำลังบอกเราว่าบทบาทของ HR กำลังเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน จากเดิมที่ HR เป็นเหมือนฝ่ายสนับสนุนงานเอกสาร หรือดูแลเรื่องสวัสดิการ ต่อไปนี้ HR จะต้องก้าวขึ้นมาเป็น คู่คิดทางธุรกิจ ที่มีส่วนร่วมในการวางแผนกลยุทธ์ขององค์กร
ข้อมูลเชิงลึก: กุญแจสำคัญในการตัดสินใจของ HR
การตัดสินใจของ HR ในอนาคต จะต้องอิงกับข้อมูลมากขึ้น HR จะต้องสามารถวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับพนักงาน เช่น ข้อมูลการทำงาน ข้อมูลการลาออก หรือข้อมูลความพึงพอใจ เพื่อนำมาใช้ในการวางแผนและตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ
HR ในฐานะที่ปรึกษาและผู้นำ
ผู้บริหารและหัวหน้างาน จะมองหา HR เพื่อขอคำปรึกษาในเรื่องการบริหารคน การพัฒนาผู้นำ หรือการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง ดังนั้น HR จะต้องพร้อมที่จะเป็น ที่ปรึกษา ที่มีข้อมูลและความรู้รอบด้าน
การวางแผนธุรกิจที่ HR ต้องมีส่วนร่วม
HR จะต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในการวางแผนธุรกิจตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าแผนธุรกิจนั้นสอดคล้องกับแผนการบริหารคน และองค์กรมีบุคลากรที่พร้อมจะขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้า
ช่องว่างทักษะ: โจทย์ใหญ่ที่ HR ต้องเร่งแก้ไข
เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิด ช่องว่างทักษะ ระหว่างสิ่งที่องค์กรต้องการ กับทักษะที่พนักงานมี ในปี 2025 HR จะต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาและ Upskill พนักงานอย่างจริงจัง
ประเมินทักษะและวางแผนพัฒนาบุคลากร
HR ต้องสามารถประเมินได้ว่าพนักงานแต่ละคนมีทักษะอะไรบ้าง และทักษะอะไรที่จำเป็นต่อการทำงานในอนาคต จากนั้นก็วางแผนการพัฒนาบุคลากรให้ตรงจุด อาจจะมีการจัดอบรม การให้โอกาสในการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง หรือการสนับสนุนให้พนักงานไปเรียนรู้เพิ่มเติม
สร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิต
สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้าง วัฒนธรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ในองค์กร ส่งเสริมให้พนักงานเห็นความสำคัญของการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพราะโลกเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ถ้าเราไม่เรียนรู้ เราก็จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
ข้อมูลคือขุมทรัพย์: HR จะใช้ Data ให้เป็นประโยชน์ได้อย่างไร?
อย่างที่บอกไปว่าการตัดสินใจของ HR ในอนาคตจะอิงกับข้อมูลมากขึ้น ดังนั้น HR จะต้องเรียนรู้วิธีการ รวบรวม วิเคราะห์ และตีความข้อมูล ให้เป็นประโยชน์
HR Analytics: เพื่อนซี้คนใหม่ของ HR
เครื่องมือที่เรียกว่า HR Analytics จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วย HR วิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ เช่น ข้อมูลการสรรหา ข้อมูลการลาออก ข้อมูลประสิทธิภาพการทำงาน เมื่อมีข้อมูลเหล่านี้ HR ก็จะสามารถเข้าใจแนวโน้มต่าง ๆ และทำการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
วัดผลให้เป็น เห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้
HR จะต้องสามารถวัดผลและประเมินผลของโครงการหรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำ เพื่อให้รู้ว่าสิ่งไหนได้ผล สิ่งไหนต้องปรับปรุง การวัดผลจะช่วยให้ HR สามารถแสดงให้ผู้บริหารเห็นถึงคุณค่าของงาน HR ได้อย่างชัดเจน
สรุป: ปี 2025 กับความท้าทายและโอกาสของ HR
ปี 2025 จะเป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทายและความตื่นเต้นสำหรับพวกเราชาว HR เทรนด์ต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้ แสดงให้เห็นว่า HR จะต้องมีความยืดหยุ่น พร้อมที่จะปรับตัว และมีความคิดสร้างสรรค์ในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลง การนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างชาญฉลาด การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง และการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะที่จำเป็น จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ HR สามารถนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จในอนาคตได้อย่างแน่นอน เตรียมตัวให้พร้อม แล้วมาสนุกกับการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกันเถอะ!
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
AI จะเข้ามาแทนที่งาน HR จริงหรือ?
ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น ถึงแม้ AI จะเข้ามาช่วยทำงานหลาย ๆ อย่างได้ แต่ ความเป็นมนุษย์ ยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญในงาน HR โดยเฉพาะเรื่องการสร้างความสัมพันธ์ การให้คำปรึกษา หรือการจัดการกับปัญหาที่ซับซ้อน AI เป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยให้ HR ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ใช่มาแทนที่เราทั้งหมด
HR จะสร้างสมดุลระหว่างการใช้ AI และความเป็นมนุษย์ได้อย่างไร?
สิ่งสำคัญคือการใช้ AI ในส่วนที่ AI ทำได้ดี เช่น การจัดการข้อมูล การวิเคราะห์ หรือการทำงานซ้ำ ๆ ส่วนงานที่ต้องใช้ ทักษะทางอารมณ์ การสื่อสาร หรือการตัดสินใจเชิงจริยธรรม ก็ยังคงเป็นบทบาทของ HR การหาจุดสมดุลที่ลงตัวระหว่างทั้งสองสิ่งนี้คือหัวใจสำคัญ
บริษัทควรเตรียมตัวอย่างไรเพื่อรับมือกับความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น?
บริษัทควรสร้าง วัฒนธรรมที่เปิดกว้างและยอมรับความแตกต่าง ส่งเสริมให้พนักงานกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ และมีช่องทางให้พนักงานสามารถพูดคุยหรือร้องเรียนปัญหาได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ การฝึกอบรมทักษะการสื่อสารและการแก้ไขความขัดแย้งให้พนักงานก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
ทักษะอะไรบ้างที่ HR ควรรีบพัฒนาเพื่อรองรับเทรนด์เหล่านี้?
ทักษะที่สำคัญคือ ทักษะด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะความเข้าใจเกี่ยวกับ AI และ HR Analytics ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้สามารถนำข้อมูลมาใช้ในการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ ทักษะด้านมนุษย์สัมพันธ์ เช่น การสื่อสาร การสร้างความสัมพันธ์ และการแก้ไขความขัดแย้ง เพราะถึงอย่างไร งาน HR ก็ยังคงเกี่ยวข้องกับ “คน” เป็นหลัก
การใช้ Data ใน HR ต้องคำนึงถึงเรื่องอะไรบ้าง?
เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล HR ต้องมั่นใจว่าการเก็บรวบรวมและการใช้ข้อมูลเป็นไปตามกฎหมายและจริยธรรม ต้องมีความโปร่งใสในการใช้ข้อมูล และต้องป้องกันไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลหรือถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด นอกจากนี้ ก็ต้องระวังเรื่อง อคติ ที่อาจแฝงอยู่ในข้อมูลด้วย
ที่มา: บทความ “From AI to Workplace Polarization: Top HR Trends Predicted for 2025” โดย Solange Charas จาก Forbes (https://www.forbes.com/sites/solangecharas/2024/11/24/from-ai-to-workplace-polarization-top-hr-trends-predicted-for-2025/)