ช็อกวงการแบงก์! AI มาจริง ‘แบงก์ทั่วโลก’ จ่อปลดพนักงาน
ใครว่า AI จะไม่แย่งงานคน? ข่าวล่าสุดจาก Bloomberg Intelligence (BI) ทำเอาคนในวงการธนาคารมีหนาวๆ ร้อนๆ เลยทีเดียว เพราะเขาออกมาคาดการณ์ว่า อีกแค่ 3-5 ปีข้างหน้า ธนาคารระดับโลกเตรียมเลย์ออฟพนักงานร่วม 2 แสนตำแหน่ง! คิดเป็น 3% ของงานทั้งหมดในอุตสาหกรรมเลยนะ นั่นก็เพราะว่า “ปัญญาประดิษฐ์” หรือ AI กำลังจะเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์แล้วยังไงล่ะ!
ทำไมต้อง AI? เหตุผลที่ธนาคารหันมาพึ่งพาเทคโนโลยี
แล้วทำไมอยู่ดีๆ แบงก์ถึงอยากได้ AI มาทำงานแทนคนล่ะ? มันก็เหมือนกับการที่เราอยากได้เครื่องมือที่ทำงานได้เร็วกว่า เก่งกว่า และที่สำคัญคือ “ถูกกว่า” นั่นแหละครับ ลองมาดูเหตุผลหลักๆ กัน
ค่าใช้จ่ายที่ลดลง: สมการง่ายๆ ที่ธนาคารมองเห็น
ลองคิดดูสิครับ การจ้างพนักงานสักคน ต้องมีทั้งเงินเดือน สวัสดิการ ค่าอบรม แถมยังมีวันลา วันหยุดอีก แต่ AI ล่ะ? จ่ายค่าติดตั้ง ดูแลรักษา จบ! ในระยะยาวแล้ว มันคุ้มกว่าเห็นๆ นี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ธนาคารหลายแห่งตาลุกวาวกับเทคโนโลยี AI
ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น: ทำงานได้ 24/7 ไม่มีวันหยุด
เคยไหมที่อยากทำธุรกรรมตอนตีสาม แต่เคาน์เตอร์ธนาคารปิดไปแล้ว? ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วย AI ครับ เพราะ AI สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ ไม่มีเหนื่อย ไม่มีง่วง แถมยังทำงานได้รวดเร็วและแม่นยำกว่ามนุษย์ในหลายๆ ด้านอีกด้วย
งานแบบไหนที่ ‘เสี่ยง’ ถูก AI แทนที่?
คำถามสำคัญที่หลายคนอยากรู้คือ แล้วงานของเราล่ะ? จะโดน AI แย่งไปไหม? จากการสำรวจของ BI พบว่า งานที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงอันดับต้นๆ คือ
งานหลังบ้าน (Back Office): พื้นที่เป้าหมายหลักของ AI
พวกงานเอกสาร งานประมวลผลข้อมูล งานที่ต้องทำซ้ำๆ เดิมๆ นี่แหละครับ คือเป้าหมายหลักของ AI เลย ลองนึกภาพพนักงานที่ต้องมานั่งกรอกข้อมูลลูกค้าซ้ำๆ ทั้งวัน ต่อไปอาจจะเป็นหน้าที่ของ AI แทนแล้ว
งานบริการลูกค้า: บอทจะมาช่วยคุยกับเราแทนจริงหรือ?
ใครที่เคยคุยกับแชทบอทของธนาคารออนไลน์ น่าจะพอเห็นภาพแล้ว AI กำลังเข้ามามีบทบาทในการตอบคำถาม ให้ข้อมูลเบื้องต้น หรือแม้แต่ช่วยแก้ไขปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ให้ลูกค้าได้แล้ว ถึงแม้ว่าเราอาจจะยังอยากคุยกับคนจริงๆ อยู่บ้าง แต่บอทก็ช่วยแบ่งเบาภาระของพนักงานไปได้เยอะเลย
งาน KYC (Know Your Customer): AI จะมาช่วยตรวจสอบตัวตน?
การตรวจสอบและยืนยันตัวตนลูกค้าเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับธนาคาร AI สามารถเข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูล ระบุความเสี่ยง หรือแม้แต่ตรวจจับการฉ้อโกงได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพกว่ามนุษย์ ทำให้กระบวนการ KYC รวดเร็วและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
AI มา…แต่งานไม่ได้หายไปทั้งหมด!
อย่าเพิ่งตกใจจนเกินไปนะครับ ถึง AI จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่างานทั้งหมดจะหายวับไปกับตา โทมัส โนตเซล นักวิเคราะห์อาวุโสของ BI บอกว่า “งานใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับงานประจำที่ซ้ำซากจำเจล้วนมีความเสี่ยง…ทว่าเอไอไม่ได้ทำให้งานเหล่านี้หายไปทั้งหมด แต่จะนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านการทำงานมากกว่า”
บทบาทที่เปลี่ยนไป: จากผู้ปฏิบัติงานสู่ผู้ควบคุมและพัฒนา AI
แทนที่เราจะต้องมานั่งทำงานซ้ำๆ เดิมๆ เราอาจจะต้องเปลี่ยนบทบาทมาเป็นผู้ควบคุม ดูแล และพัฒนา AI เหล่านั้นแทน เหมือนกับการที่เรามีเครื่องจักรมาช่วยทำงาน แต่ก็ยังต้องมีคนคอยควบคุมและซ่อมบำรุงอยู่นั่นแหละ
โอกาสใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น: ทักษะแบบไหนที่ตลาดต้องการ?
การมาของ AI จะสร้างโอกาสใหม่ๆ ในสายงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา ดูแล และใช้งาน AI ทักษะด้าน Data Science, Machine Learning, AI Ethics หรือแม้แต่ทักษะในการสื่อสารและทำงานร่วมกับ AI จะเป็นที่ต้องการมากขึ้นในอนาคต
ผลสำรวจชี้ชัด: ตัวเลขที่น่าตกใจ และสิ่งที่ธนาคารคาดหวัง
ผลสำรวจจากธนาคารชั้นนำทั่วโลก เช่น Citigroup, JPMorgan Chase และ Goldman Sachs ชี้ให้เห็นว่า เกือบ 1 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสำรวจคาดการณ์ว่า จำนวนพนักงานจะลดลงอย่างรวดเร็วถึง 5-10% เลยทีเดียว!
ลดคน เพิ่มกำไร: โมเดลธุรกิจใหม่ที่กำลังมา
ธนาคารคาดหวังว่าการนำ AI มาใช้จะช่วยเพิ่มผลผลิตและสร้างรายได้อย่างน้อย 5% ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า และอาจทำให้กำไรก่อนหักภาษีสูงขึ้นถึง 12-17% ภายในปี 2027 เลยนะ นี่แสดงให้เห็นว่าธนาคารมองเห็นศักยภาพอันมหาศาลของ AI ในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน
ความท้าทายที่ต้องเผชิญ: แบงก์จะปรับตัวอย่างไรในยุค AI?
ถึงแม้ว่า AI จะมีประโยชน์มากมาย แต่การนำมาใช้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ธนาคารจะต้องเผชิญกับความท้าทายหลายอย่าง เช่น
การพัฒนาบุคลากร: ลงทุนใน ‘คน’ เพื่อรับมือกับ ‘AI’
ธนาคารจำเป็นต้องลงทุนในการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะของพนักงาน เพื่อให้พวกเขาสามารถทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การ Reskill และ Upskill พนักงานจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง
จริยธรรมและผลกระทบทางสังคม: สิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
การใช้ AI ก็มีประเด็นทางจริยธรรมที่ต้องพิจารณา เช่น ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลลูกค้า ความโปร่งใสในการตัดสินใจของ AI หรือผลกระทบต่อการจ้างงาน ธนาคารจะต้องหาจุดสมดุลระหว่างการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และการคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคม
สรุป: โลกการเงินยุคใหม่ กับการอยู่ร่วมกันระหว่างคนและ AI
การมาของ AI ในวงการธนาคารเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงแม้ว่าอาจจะมีการเลย์ออฟเกิดขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามนุษย์จะตกงานกันหมด สิ่งที่สำคัญคือการปรับตัว เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ และมองหาโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงนี้ อนาคตของโลกการเงินอาจจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI มากกว่าที่จะเป็นการแทนที่กันอย่างสิ้นเชิง
## คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
AI จะเข้ามาแทนที่งานของฉันจริงหรือ?
มีโอกาสเป็นไปได้ครับ โดยเฉพาะงานที่ต้องทำซ้ำๆ เดิมๆ แต่ถึงอย่างนั้น AI ก็อาจจะเข้ามาช่วยให้งานของคุณง่ายขึ้น หรือเปิดโอกาสให้คุณได้ไปทำงานที่ท้าทายและสร้างสรรค์มากขึ้นก็ได้
ฉันควรเตรียมตัวอย่างไรเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้?
สิ่งสำคัญคือการพัฒนาทักษะที่ AI ยังทำไม่ได้ เช่น ทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์ และทักษะการสื่อสารระหว่างบุคคล การเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ AI ก็เป็นสิ่งที่มีประโยชน์เช่นกัน
ธนาคารจะได้ประโยชน์อะไรจากการใช้ AI?
ธนาคารจะได้ประโยชน์มากมายครับ เช่น ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้น และสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตัดสินใจทางธุรกิจได้แม่นยำยิ่งขึ้น
พนักงานที่ถูกเลิกจ้างจะไปทำงานอะไร?
พนักงานที่ถูกเลิกจ้างอาจจะไปทำงานในสายงานใหม่ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี หรืออาจจะไปทำงานในอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่กำลังเติบโต การมีทักษะที่หลากหลายและพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จะเป็นข้อได้เปรียบอย่างมาก
อนาคตของงานในธนาคารจะเป็นอย่างไร?
อนาคตของงานในธนาคารน่าจะมีการผสมผสานระหว่างมนุษย์และ AI มากขึ้น พนักงานจะเน้นไปที่งานที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะทาง ความคิดสร้างสรรค์ และการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ส่วนงานที่ซ้ำซากจำเจก็จะถูกแทนที่ด้วย AI มากขึ้นครับ
ขอบคุณที่มา