ArticleManagementTimeSheet

จัดการบริหารเวลาให้เกิดประโยชน์จาก 12 เทคนิคเด็ด

การบริหารเวลา (Time Management) คือ การวางแผนและควบคุมเวลาที่ใช้ไปกับกิจกรรมต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิต เทคนิคการบริหารเวลาจะช่วยให้เราออกแบบและจัดระเบียบกิจกรรมต่างๆ โดยจัดสรรเวลาให้กับแต่ละงานอย่างเหมาะสม

ทำไมการบริหารเวลาจึงสำคัญ?

เป้าหมายของการบริหารเวลาคือการทำให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เสร็จงานได้มากขึ้นในเวลาน้อยลง

ข้อดีของการบริหารเวลาที่ดีมีดังนี้:

  • มีเวลามากขึ้นสำหรับการทำสิ่งอื่นๆ หรือเพื่อสร้างสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานกับชีวิตส่วนตัว
  • สามารถทำงานตามกำหนดเสมอ
  • ช่วยลดความเครียด

12 เทคนิคการบริหารเวลาให้ดีขึ้น

ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้เพื่อยกระดับทักษะการบริหารเวลาของคุณ:

  1. วางแผนกิจกรรม: การมีแผนที่ดีจะช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ว่าจะเป็นแค่การเขียนรายการสิ่งที่ต้องทำ (to-do list) ง่ายๆ ก็ตาม การทำรายการเสร็จสิ้น (checklist) จะช่วยให้เราไม่ลืมสิ่งที่ต้องทำ และรู้สึกภาคภูมิใจเมื่อมองเห็นสิ่งที่ตัวเองทำสำเร็จ การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้เราโฟกัสกับสิ่งที่จำเป็นจริงๆ
  2. จัดตารางเวลา: จากนั้น ให้แบ่งเวลาสำหรับแต่ละกิจกรรม ลองใช้ระบบติดตามเวลา (time tracker) เพื่อดูว่าโดยปกติแล้วเราใช้เวลากับงานแต่ละประเภทนานแค่ไหน แล้วนำข้อมูลนั้นมาจัดสรรปเวลา การจัดตารางเวลาสามารถทำได้โดยการบันทึกกิจกรรม นัดหมาย และงานต่างๆ ลงในปฏิทิน การใช้แอปพลิเคชันปฏิทินจะช่วยให้เราตั้งค่าเตือนความจำ และสามารถเข้าถึงข้อมูลได้จากทุกอุปกรณ์
  3. จัดลำดับความสำคัญของงาน: การจัดลำดับความสำคัญจะช่วยให้เรารู้ว่าควรทำอะไรก่อน และงานอะไรที่สามารถละเว้นได้ วิธีที่ง่ายที่สุดคือการใช้รายการแบ่งตามระดับความสำคัญ (priority list) ตัวอย่างเช่น ระบบ 3 ระดับ แบ่งเป็น งานสำคัญ งานปานกลาง และงานไม่สำคัญ โดยให้เริ่มจากงานสำคัญเร่งด่วนก่อน
  4. เมทริกซ์ไอเซนฮาวร์ (Eisenhower Matrix): เทคนิคนี้ได้รับการคิดค้นโดย ดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์ เพื่อช่วยจัดลำดับความสำคัญของงาน โดยแบ่งงานออกเป็น 4 ประเภทตามความเร่งด่วนและความสำคัญ เราควรโฟกัสเวลาไปที่งานสำคัญเท่านั้น วิธีจัดการกับงานทั้ง 4 ประเภทนี้ มีดังนี้:
  • งานไม่สำคัญ ไม่เร่งด่วน: ควรตัดออกจากรายการ
  • งานไม่สำคัญ เร่งด่วน: ควรมอบหมายให้ผู้อื่น
  • งานสำคัญ เร่งด่วน: ควรดำเนินการด้วยตัวเอง
  • งานสำคัญ ไม่เร่งด่วน: ควรกำหนดเวลาสำหรับการดำเนินการในอนาคต
  1. กินกบ (Eat that frog): สำนวนนี้ไม่ได้หมายถึงการกินกบจริงๆ แต่หมายถึงการจัดการกับงานที่ยากและสำคัญที่สุดก่อน เมื่อจัดการกับงานยากสำเร็จแล้ว เราค่อยไปต่อกับงานอื่นๆ ได้ โดยการมีเป้าหมายที่ชัดเจน จัดลำดับงานตามความสำคัญ และโฟกัสกับงานสำคัญก่อน จะช่วยให้เราทำงานตามกำหนดเวลาได้ เนื่องจากไม่ต้องเสียสมาธิไปกับการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน (multitasking)
  2. ตั้งกำหนดเวลา (Set Deadlines): หากการจัดตารางเวลาปกติไม่ค่อยได้ผล ลองใช้วิธีการตั้งกำหนดเวลา (deadline) การกำหนดเวลานี้จะช่วยสร้างความเร่งด่วน ส่งผลให้มีแรงจูงใจมากขึ้น และสามารถทำงานต่างๆ ได้เสร็จเร็วขึ้น
  1. จัดกลุ่มงาน (Batch your tasks): ลองจัดกลุ่มงานประเภทเดียวกันไว้ด้วยกัน เพื่อทำงานในกลุ่มนั้นๆ ติดต่อกัน วิธีนี้จะช่วยลดการเสียสมาธิจากการสลับไปมาระหว่างงาน different types of tasks
  2. จำกัดสิ่งรบกวน: สิ่งรบกวนต่างๆ เช่น โซเชียลมีเดีย อีเมล เด็กๆ เพื่อนร่วมงาน หรือความคิดของเราเอง ล้วนเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน ลองใช้แอปพลิเคชันติดตามการทำงาน (employee monitoring app) เพื่อดูว่าใช้เวลากับโปรแกรมและเว็บไซต์ต่างๆ นานแค่ไหน หรือใช้ภาพหน้าจอ (screenshot) เพื่อดูว่าอะไรเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเรา
  3. ติดตามเวลา: การติดตามเวลาเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้เราเข้าใจว่าใช้เวลากับงานต่างๆ นานแค่ไหน สามารถใช้สเปรดชีต (spreadsheet) หรือโปรแกรมติดตามเวลา (time tracker) เพื่อบันทึกเวลาที่ใช้สำหรับงานแต่ละอย่าง ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราวิเคราะห์รูปแบบการทำงาน และวางแผนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  4. ใช้หลักการพาเรโต (Pareto principle): หลักการนี้ค้นพบโดย วิลเฟรโด้ พาเรโต ซึ่งพบว่า 80% ของผลลัพธ์มาจาก 20% ของสาเหตุ หมายความว่า ในงานทั้งหมดของเรา มีเพียง 20% ของงานที่ส่งผลถึง 80% ของผลลัพธ์
  5. เทคนิคโพโมโดโร (Pomodoro Method): เทคนิคนี้เป็นการแบ่งเวลาทำงานเป็นช่วงสั้นๆ โดยให้ทำงาน 25 นาที พัก 5 นาที เทคนิคนี้ช่วยเพิ่มสมาธิและคุณภาพของงาน ทำให้เราทำงานได้มากขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  6. ประเมินและปรับกลยุทธ์: เทคนิคต่างๆ ที่กล่าวมา อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคน เราต้องประเมินสถานการณ์ของตัวเอง และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม

สรุป:

การบริหารเวลาเป็นทักษะสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้เพื่อพัฒนาทักษะการบริหารเวลาของคุณ เมื่อเราสามารถควบคุมเวลาได้ เราจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างง่ายดาย

เพิ่มเติมวิธีการประเมิน:

  • จดบันทึกเทคนิคที่ใช้ ผลลัพธ์ที่ได้ และความรู้สึกหลังใช้งาน
  • วิเคราะห์ว่าเทคนิคใดมีประสิทธิภาพและเหมาะกับเรา
  • ถามตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่รบกวนสมาธิ อะไรคืออุปสรรคในการบริหารเวลา
  • หาวิธีแก้ไขและปรับปรุงกลยุทธ์

ตัวอย่างการปรับกลยุทธ์:

  • ปรับเวลาทำงานให้เหมาะกับช่วงเวลาที่เราโฟกัสได้ดีที่สุด
  • เปลี่ยนสถานที่ทำงานเพื่อลดสิ่งรบกวน
  • หาเครื่องมือหรือแอปพลิเคชันมาช่วยจัดการเวลา
  • แบ่งงานใหญ่ๆ ออกเป็นงานย่อยๆ
  • ฝึกฝนการปฏิเสธ

การประเมินและปรับกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เราพัฒนาทักษะการบริหารเวลาและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เครื่องมือและแอปพลิเคชันสำหรับการบริหารเวลา:

  • Google Calendar
  • Microsoft Outlook
  • Todoist
  • Trello
  • RescueTime
  • Forest

แปลจากแหล่งข้อมูล:

การบริหารเวลาเป็นทักษะที่มีประโยชน์สำหรับทุกคน การฝึกฝนและพัฒนาทักษะนี้อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความสุข และประสบความสำเร็จในชีวิต

Close
WiSDOM FiRM
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.